วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

ปลาหมอแดดเดียว และ ใบชะครามกุ้งสด

              ปัจจุบันก็พบว่า  ความนิยมบริโภคเนื้อปลามีปริมาณเพิ่มมากขึ้น เนื้อปลาเป็นแหล่งอาหารโปรตีนเพื่อสุขภาพ   เนื้อปลาหมอไทยสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด เช่น ย่าง ต้มยำ ฉู่ฉี่ ทอด รวมทั้งปลาหมอแดดเดียว ตลาดมีความต้องการสูงทำให้ราคาปลาของตลาดภายในประเทศขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันตลาดมีความต้องการปลาหมอไทยจำนวนมาก มีการผลิตจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ  และตอนนี้ได้มีการเลี้ยงปลาหมอแปลงเพศแล้ว แล้วมันดียังไง คือ  ความทนทานเลี้ยงง่ายใช้น้ำน้อย สามารถเลี้ยงได้ในบ่อดินขนาดต่างๆ ในกระชังในแหล่งน้ำนิ่ง และเลี้ยงในบ่อพลาสติก รวมทั้งยังขนส่งง่ายโดยไม่ต้องใช้ออกซิเจน    เนื้อปลาหมูจึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน

ปลาหมอสด (น่าสงสาร)

           วันนี้มาทำเมนูอาหารพื้นบ้านกันน่ะครับ คือเมนู ปลาหมอแดดเดียวโดยเราได้ไปซื้อปลาหมอแดดเดียวที่ตลาดสดใกล้บ้านมา ราคากิโลละ 50 บาท ได้ปลามาหกตัว ก็ตกตัวละ 8 บาท เมื่อทอดขาย ก็น่าจะขายในราคา 15 บาทน่ะ เพราะว่ามีค่าน้ำมัน ตอนนี้น้ำมัพืช ก็มีราคาสูงกว่าแต่ก่อนเยาะ เนื่องจากว่าน้ำมันพืชขาดตลาด ในตลาดไปหาซื้อน้ำมันพืช ยากมาก ไม่มีร้านไหนขาย หรือถ้ามีก็จะมีราคาสูงมาก จากแต่ก่อน ขวดลิตรละ สามสิบกว่าบาท แต่ปัจจุบัน ราคาขวดละ 47 บาท แหม่ม ถ้าทอดขายคงอาจจะไม่คุ้มก็ได้น่ะ เอาเป็นว่า เรามาทอดให้กับคนในครอบครัวเรากินดีกว่าน่ะ คุยซะยาวเลย รำคายไหมละ?.....

ปลาหมอทอดแดดเดียว

           เมื่อนำปลามาแล้วก็ทำการล้างขอดเกล็ดออกให้หมด ทำความสะอาดปลาและผ่าเอาไส้และขี้ปลาออกก่อนและทำการเลาะก้างปลาออกด้วยเพื่อให้ง่านแก่การรับประทาน  เมื่อทำการแล่เนื้อคลุกน้ำปลาอย่างดี  ตากแดดประมาณ 30 นาที  ถ้าแดดร้อนจัด ถ้าแดดไม่ร้อน ตากประมาณ หนึ่งชั่วโมง แล้วนำมา ทอดแบบเหลืองกรอบได้อารมณ์กรอบนอกนุ่มใน  แทรกกลิ่นน้ำปลา และรสชาติที่หวานของปลาหมอเทศ นำจานใบสวย วางรองพื้นด้วยใบตอง แล้วแต่หน้าด้วยใบโหระพา พร้อมเสิร์ฟ ให้ท่านแล้ว   เมื่อนำมาทานกับข้าวสวยร้อนๆ มันช่างอร่อยจังเลย.....

แกงส้มใบชะครามกุ้งสด

                 ส่วนเมนูอีกอัน เป็นเมนู ใบชะครามกุ้งสด ใบชะคราม เป็น อาหารทะเลพื้นบ้านแท้ๆ โดยใช้ผักที่มีอยู่ในพื้นที่ อย่างผักชะคราม ที่เป็นพืชขึ้นตามนาเกลือ มาทำกับข้าวรวมกับอาหารทะเลสดๆ จากทะเล นั่นคือกุ้งสดๆ นำมาล้างแล้วปอกเปลือกออก แล้วเตรียมไว้ก่อน เราไปนำเอาพริกแกงที่ซื้อจากตลาด ประมาณกิโละละ 80 บาท เป็นพริกแกงที่มีเครื่องเทศผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทานแล้วให้ประโยชน์ต่อร่างกายมาก เพราะมีสมุนไพรหลายชนิด เช่น กระเทียม พริกขี้หนู กระปิ ตะไค้ร ใบมะกูด ฯลฯ และกระทิที่ใช้ต้องเป็นหัวกระทิ และหางกระทิ น่ะ จะได้มีรสชาติหวาน และมัน ก่อนอื่นเราต้อง นำหม้อตั้งน้ำ น้ำที่เราใช้คือน้ำกระทิส่วนที่เป็นหาง แล้วนำไปตั้งเตาไฟร้อน สักพัก
             เมื่อน้ำกระทิเดือด พล่าน เราค่อย นำพริกแกงที่เราได้เตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อได้เลย ใส่พริกแกงให้เยาะหน่อยจะได้เผ็ด เพราะที่บ้านชอบทานของเผ็ด ใส่ไปประมาณ 2 ช้อน แล้วทำการตีพริกแกงให้แตกและให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกับ น้ำกระทิ แล้ก็ใส่ กุ้งที่เราได้ล้างเตรียมไว้ใส่ลงไปในหม้อแล้วก็ตามด้วยผัก ใบชะคราม ลงไป แล้วทำการปรุงรสใส่เกลือ หรือน้ำปลา ปรุงรสให้พอดี แล้วใส่หัวกระทิ ที่เตรียมไว้ ปล่อยให้น้ำแกงเดือด สักพัก ปิดไฟ ตักขึ้นใส่จานได้เลยหน้าตา อาจจะดูแล้ว สีแดงสดมาก ข้อนข้างเผ็ด ถ้าเผ็ดมากไปก็สามารถปรุงรสให้อ่อนได้โดย เติมน้ำกระทิลงไปเจือจาง เพื่อลดความเผ็ด ส่วนกุ้งที่ใส่ไปจะให้ความหวาน และความสดใหม่อยู่แล้ว
             เมนูทั้งสองนี้เป็นเมนูอาหารพื้นบ้านของไทย ลองไปทำกินกันดู เป็นอาหารที่ให้ โปรตีน วิตามิน แกลือแร่ ต่างๆ สูงมาก เพื่อให้คนที่คุณรักมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป...... สวัสดี..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น